เปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ที่ใช้การขอลี้ภัยเป็นฉากบังหน้า

0
24
Advertisement

เมื่อสิทธิมนุษยชนกลายเป็นช่องโหว่ของขบวนการค้าประเวณี

ค้าประเวณีในอังกฤษ

ในโลกที่เต็มไปด้วยวิกฤต ผู้คนหลายล้านต้องลี้ภัยจากบ้านเกิดด้วยความหวังว่าจะพบ “ชีวิตใหม่” ที่ปลอดภัยและมีศักดิ์ศรีในประเทศปลายทาง แต่ในอีกด้านหนึ่งของระบบนี้ มีคนบางกลุ่มใช้ คำว่า “ผู้ลี้ภัย” เป็นเครื่องมือบังหน้า ซ่อนอาชญากรรมร้ายแรงไว้เบื้องหลัง

หนึ่งในคดีที่สะเทือนขวัญและเปิดโปงช่องโหว่ในระบบการลี้ภัยของสหราชอาณาจักร คือคดีของ เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรในฐานะผู้ลี้ภัย แต่แทนที่จะรอคำตอบจาก Home Office ด้วยความสุจริต กลับใช้เวลาระหว่าง “รอผลคำร้อง” สร้างอาณาจักรค้าประเวณีเงียบ ๆ ใจกลางกรุงลอนดอน


จากอยู่เกินวีซ่ากลายมาเป็นผู้ลี้ภัย…สุดท้ายจบที่คุก: ขบวนการค้าประเวณีแฝงตัวในช่องโหว่ของระบบลี้ภัย

จากวีซ่าดูแลสุขภาพ สู่ผู้ลี้ภัย…ก่อนเปิดอาณาจักรค้าบริการทางเพศ

Saranwee เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรด้วยวีซ่าด้านสุขภาพเมื่อปี 2011 ก่อนจะอยู่เกินกำหนดเป็นเวลานานถึง 10 ปี กระทั่งถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แต่แทนที่จะถูกส่งกลับประเทศต้นทาง เขากลับสามารถยื่นขอลี้ภัยได้ และ ในระหว่างรอการพิจารณา กลับใช้เวลานั้นเปิดเครือข่ายค้าประเวณี อย่างกว้างขวางทั่วลอนดอน

เขาจดทะเบียนบริษัท StarAsian Ltd ซึ่งระบุว่าเป็นบริษัทจัดหางาน แต่เบื้องหลังกลับโฆษณาบริการเอสคอร์ตหญิงไทยกว่า 40 คนผ่านเว็บไซต์ พร้อมตั้งราคาตั้งแต่ 150 ถึง 1,000 ปอนด์ มีการเช่าที่พักในลอนดอนและเอสเซกซ์จำนวนมาก ซึ่งบางแห่งถูกใช้เป็นซ่องเถื่อนโดยผิดกฎหมาย


ช่องโหว่ที่ทำให้การค้ามนุษย์เติบโตอย่างเงียบ ๆ

สิ่งที่น่าตกใจคือ ทุกอย่างเกิดขึ้นในขณะที่ Saranwee มีสถานะ “รอลี้ภัย” ซึ่งหมายความว่าเธออยู่ภายใต้ระบบที่ออกแบบมาเพื่อ “ปกป้องคนที่ถูกกระทำ” แต่กลับใช้มัน “เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด”

ระบบตรวจสอบของ Home Office ในช่วงเวลาดังกล่าวถูกตั้งคำถามอย่างรุนแรง เพราะแทบไม่มีการติดตามการดำเนินชีวิตของผู้ลี้ภัยระหว่างรอผล ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนบริษัท การเช่าที่พักราคาแพง หรือการเปิดเว็บไซต์บริการทางเพศแบบไม่ถูกกฎหมาย


เหยื่อซ้ำซ้อ ผู้ลี้ภัยที่แท้จริงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย

เมื่อคดีนี้ถูกเปิดโปง หนึ่งในผลกระทบที่ตามมา คือ ผู้ลี้ภัยคนอื่นที่บริสุทธิ์กลับถูกเหมารวม โดยเฉพาะในชุมชนเอเชียและคนไทยที่อยู่ระหว่างกระบวนการขอลี้ภัย หลายคนเริ่มถูกจับตามองมากขึ้น ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ และแม้กระทั่งถูกปฏิเสธความช่วยเหลือจากองค์กรการกุศลบางแห่งเพราะ “กลัวเป็นข่าวซ้ำ”

นี่คืออันตรายของการใช้ “สิทธิมนุษยชน” อย่างบิดเบือน ไม่เพียงแต่ทำให้มีเหยื่อเพิ่มขึ้น แต่ยังทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ที่ต้องการลี้ภัยอย่างแท้จริง

การใช้ช่องโหว่ของโควิด และผลสะเทือนที่ตามมา

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Saranwee สามารถขยายกิจกรรมผิดกฎหมายได้คือ ช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ระบบตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานภาครัฐทำงานล่าช้าลง ขาดการติดตามผู้ลี้ภัยอย่างใกล้ชิด การขอลี้ภัยจึงกลายเป็นเกราะกำบังที่ดีเยี่ยมของเขา

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของ “ผู้ลี้ภัยที่แท้จริง” ที่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบนี้เพื่อความปลอดภัย แต่กลับถูกมองด้วยสายตาสงสัยมากขึ้น ขณะที่กลุ่มแรงงานหญิงไทยในอังกฤษ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานสายบริการที่ถูกกฎหมายหรืออาศัยอยู่แบบไม่มั่นคงทางสถานะ ก็ได้รับผลกระทบจากภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างโดยคดีนี้เช่นกัน


ถึงเวลาแก้เกมอย่างจริงจัง

คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “คนหนึ่งคนทำผิด” แต่เป็น สัญญาณเตือน ถึงความจำเป็นในการ ปฏิรูประบบลี้ภัยและการคัดกรองผู้ขอเข้าประเทศอย่างรัดกุม โดยไม่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ลี้ภัยที่แท้จริง

พร้อมกันนั้น สังคมไทยทั้งในและนอกประเทศควรตระหนักว่า ปัญหาค้ามนุษย์ไม่ได้อยู่ไกลตัวอีกต่อไป มันแฝงอยู่ในวีซ่าท่องเที่ยว โฆษณางานต่างประเทศ หรือแม้แต่ในคนที่พูดภาษาเดียวกับเราเอง

วิเคราะห์ในเชิงกฎหมาย

Saranwee ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายอาญาของสหราชอาณาจักร ได้แก่

  • Sexual Offences Act 2003 มาตรา 53A
    การควบคุมบุคคลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณี ถือเป็นความผิดร้ายแรง
  • Human Trafficking Offence
    การจัดหาหรือพาผู้อื่นเข้ามาเพื่อค้าบริการทางเพศ ถือเป็นอาชญากรรมการค้ามนุษย์ มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี

แม้ว่าเขาจะยื่นขอลี้ภัย แต่สถานะนั้นไม่คุ้มครองจากการกระทำผิดซ้ำ และท้ายที่สุด เขาถูกตัดสินโทษจำคุก 7 ปีจากการเปิดซ่องเถื่อนภายใต้ฉากบังหน้าคือการขอลี้ภัย


ทางรอดคือ “รู้เท่าทัน” ไม่ใช่ “กลัว”

เราต้องช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนรุ่นใหม่ ให้รู้จักตั้งคำถามก่อนเดินทาง ให้ตรวจสอบข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินจริง และให้กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากองค์กรที่เชื่อถือได้

คดี Saranwee อาจจะจบลงในศาล แต่เงาอันตรายของการค้ามนุษย์ยังคงวนเวียนอยู่ในชุมชนของเรา ถ้าเราไม่ช่วยกันพูดออกมา มันก็จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก


หากคุณหรือคนรู้จักตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง อย่าเงียบ — คุณสามารถติดต่อองค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัย หรือสายด่วนต่อต้านการค้ามนุษย์ในสหราชอาณาจักรได้ทันที

อย่าปล่อยให้สิทธิกลายเป็นอาวุธของคนผิด
มาร่วมกันปกป้องสิทธินั้นให้กลับคืนสู่มือของคนที่คู่ควรจริง ๆ

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.