ท่ามกลางท้องฟ้าที่เหมือนจะสดใสในลอนดอน หลายครอบครัวกลับต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จากปัญหาเศรษฐกิจ ปัจจุบัน ปรากฏการณ์ชาวอังกฤษที่มีงานทำยังต้องเข้าคิวรับอาหารจากธนาคารอาหารสามารถพบเห็นได้ในหลายเมืองทั่วประเทศ ภาพเหล่านี้สะท้อนวิกฤตค่าครองชีพซึ่งกระทบคนรายได้ปานกลางจำนวนมาก
นับตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นมา ค่าพลังงาน ค่าเช่า และราคาสินค้าพื้นฐานยังคงพุ่งสูงอย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่ผู้ที่มีตำแหน่งงานประจำก็ยังประสบปัญหาเงินเดือนที่ไม่สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ หลายคนต้องปรับตัวและลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจประคองชีวิตประจำวันต่อไปได้
ความท้าทายสำหรับครอบครัวทำงาน
การเห็นพนักงานในห้างสรรพสินค้าหรือเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุพากันต่อคิวรับถุงอาหารฟรีนั้นไม่ใช่ภาพที่หาดูได้ง่ายเมื่อสิบปีก่อน แต่วันนี้กลายเป็นเรื่องปกติขึ้นทุกขณะ หลายครอบครัวจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการลดมื้ออาหาร หรือเลือกซื้ออาหารราคาถูกที่ไม่มีคุณค่าสารอาหารเท่าที่ควร
แม้ภาครัฐจะพยายามออกมาตรการสงเคราะห์ต่างๆ เช่น การเงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มหรือโครงการลดค่าน้ำค่าไฟ แต่แรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและอัตราดอกเบี้ยที่สูงยังแผ่ซ่านไปทั่วสหราชอาณาจักร ทำให้หลายองค์กรต่างคาดการณ์ว่าวิกฤตนี้อาจยังไม่จบลงในเร็ววัน
ธนาคารอาหารกับบทบาทใหม่ในสังคมอังกฤษ
ในอดีต การเป็นผู้รับความช่วยเหลือจากธนาคารอาหารอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องของ ‘คนจน’ เท่านั้น แต่ปัจจุบัน ระบบสนับสนุนเหล่านี้กลายเป็นที่พึ่งสำคัญของคนทุกชนชั้น ธนาคารอาหารที่เคยเปิดให้ใช้บริการไม่กี่วันต่อสัปดาห์ ตอนนี้หลายแห่งต้องขยายเวลาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ในมุมของผม วิกฤตค่าครองชีพครั้งนี้คือสัญญาณเตือนสังคมอังกฤษให้หันมาทบทวนโครงสร้างค่าครองชีพและช่องว่างระหว่างรายได้ที่ถ่างกว้างขึ้นทุกปี เราจำเป็นต้องมีการพูดคุยถึงค่าจ้างที่เป็นธรรมและการช่วยเหลือระยะยาวมากกว่าการเยียวยาระยะสั้น เพื่อให้ความมั่นคงกลับคืนสู่ชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุด วิกฤตนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ว่า ‘ความยากจน’ ไม่ได้เลือกสถานะหรืองานทำ และทำให้สังคมตระหนักชัดถึงพลังของความช่วยเหลือระหว่างกัน บางที ทางออกแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนอาจอยู่ที่การร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชนในทุกระดับ ไม่ใช่เพียงการรอคอยการช่วยเหลือจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น