เปิดโปงกลโกงออนไลน์: ใครคือกลุ่มผู้สร้างความเสียหายบนโซเชียลมีเดียในเวียดนาม?

0
19
Advertisement
กลโกงออนไลน์

เปิดโปงขบวนการหลอกลวงโซเชียลมีเดียจากเวียดนามขายโปรไฟล์แฮ็ก คอมเมนต์ปลอม และบูสต์ข่าวเท็จ

ความหวาดระแวงจากผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในเวียดนาม

ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกต่างเผชิญกับภัยคุกคามจากกลุ่มผู้ที่สร้างกลโกงและหลอกลวงออนไลน์อย่างแพร่หลาย กลุ่มเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกระจายข่าวปลอม สร้างความเศร้าโศกและความเสียหายทางการเงินให้แก่ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ลักษณะการดำเนินงานของพวกเขามีความซับซ้อนและหลากหลาย

ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ขบวนการหลอกลวงบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเวียดนาม ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการฉ้อโกงออนไลน์ จากการสืบสวนของหน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์และรายงานจากสื่อต่าง ๆ พบว่าแก๊งอาชญากรในเวียดนามมีส่วนในการขายโปรไฟล์ที่ถูกแฮ็ก คอมเมนต์และไลค์ปลอม รวมถึงการบูสต์ข่าวเท็จ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเทียมและทำกำไรจากความไว้วางใจของผู้ใช้ ขบวนการเหล่านี้ไม่เพียงก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลและธุรกิจ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลในโลกออนไลน์

ความเป็นมาของขบวนการหลอกลวงโซเชียลมีเดียในเวียดนาม เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียอย่างก้าวกระโดด โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 70 ล้านคนในปี 2568 อย่างไรก็ตาม ความนิยมนี้ดึงดูดอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและการกำกับดูแลที่ยังไม่เข้มงวด รายงานจาก Google Cloud-owned Mandiant เผยว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่มีฐานอยู่ในเวียดนาม เช่น กลุ่มที่เรียกว่า UNC6032 ได้ใช้โฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตเครื่องมือ AI ปลอม เช่น เว็บไซต์สร้างวิดีโอ AI เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่านและข้อมูลบัญชีธนาคาร

กลุ่มอาชญากรออนไลน์ในเวียดนาม ใครคือพวกเขา?

กลุ่มผู้สร้างความเสียหายนี้ประกอบด้วยอาชญากรไซเบอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคนิค รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเงินและบุคคลทั่วไปที่ถูกจ้างให้โพสต์เนื้อหาโกงลักษณะต่างๆ ซึ่งพวกเขาใช้เทคนิคการปลอมแปลงข้อมูล การสร้างโปรไฟล์ปลอม และการหลอกลวงทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, TikTok, YouTube และ Zalo

นอกจากนี้ยังมีระบุถึงการค้นพบ “Farm Bot” ในเวียดนาม ซึ่งใช้บัญชีนับพันเพื่อโพสต์คอมเมนต์และเนื้อหาปลอม เพื่อแพร่กระจายข้อมูลเท็จและบิดเบือนความคิดเห็นของสาธารณชน ฟาร์มบอทเหล่านี้มักตั้งอยู่ในสำนักงานขนาดเล็ก เช่น ในกรุงฮานอย โดยมีทีมงานที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมปลอม เช่น ไลค์ คอมเมนต์ และแชร์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโพสต์หรือเพจที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง

กลไกการทำงานของขบวนการหลอกลวง ขบวนการหลอกลวงโซเชียลมีเดียในเวียดนามมีรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างผลกำไรจากความไว้วางใจของผู้ใช้

  1. แฮ็กเกอร์ขโมยบัญชีโซเชียลมีเดียจากผู้ใช้ทั่วไปบนโลกออนไลน์ โดยใช้เทคนิคเช่น ฟิชชิงหรือมัลแวร์ จากนั้นนำบัญชีเหล่านี้ไปขายในตลาดมืด เช่น บน Telegram หรือกลุ่ม Facebook เพื่อใช้ในการหลอกลวงต่อ เช่น การปลอมตัวเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักเพื่อหลอกให้โอนเงิน
  2. การให้บริการคอมเมนต์และไลค์ปลอม: กลุ่มอาชญากรใช้บอทหรือบัญชีปลอมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมเทียม เช่น การเพิ่มยอดไลค์หรือคอมเมนต์ในโพสต์ของบุคคล ธุรกิจ หรือแคมเปญการเมือง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่ามีความนิยมสูง บริการเหล่านี้มักโฆษณาอย่างเปิดเผยในกลุ่มโซเชียลมีเดีย โดยมีราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่ดอลลาร์
  3. การบูสต์ข่าวเท็จ: ขบวนการเหล่านี้มีบทบาทในการแพร่กระจายข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะในแคมเปญที่มุ่งบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณชน เช่น การเลือกตั้งหรือประเด็นที่อ่อนไหวทางสังคม การใช้บอทและบัญชีปลอมช่วยเพิ่มการมองเห็นของโพสต์ที่มีข้อมูลเท็จ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปหลงเชื่อได้ง่ายขึ้น
  4. การหลอกลวงทางการเงิน: รายงานจากสื่อ เช่น Asia News Network ระบุว่าแก๊งในเวียดนามมีส่วนในกลโกงคริปโตขนาดใหญ่ เช่น กรณีของ Ngo Thi Theu หญิงชาวเวียดนามวัย 30 ปี ที่ถูกจับในประเทศไทยเมื่อพฤษภาคม 2568 ฐานหลอกลวงนักลงทุน 2,600 ราย สูญเงินรวม 300 ล้านดอลลาร์ โดยใช้โซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดเหยื่อ

เทคนิคและกลยุทธ์ของนักโกงในเวียดนาม

กลุ่มเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อหลอกลวงคนในสังคม รวมถึงการสร้างข่าวปลอมที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญ เช่น การแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับการปล้นทรัพย์ การแพร่เชื้อโรค หรือข่าวสารทางการเมือง ที่ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังมีการใช้กลอุบายบัตรเครดิตปลอม การหักล้างบัญชีธนาคาร และการทดลองวิธีใหม่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม

ขบวนการหลอกลวงเหล่านี้สร้างความเสียหายในหลายมิติ ตั้งแต่การสูญเสียเงินของบุคคลจากการถูกหลอกให้โอนเงินหรือลงทุนในโครงการปลอม ไปจนถึงการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของข้อมูลในโซเชียลมีเดีย การแพร่กระจายข่าวเท็จยังอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่ข้อมูลที่ถูกต้องมีความสำคัญ เช่น ระหว่างการเลือกตั้งหรือวิกฤตสาธารณสุข

นอกจากนี้ การที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Meta (Facebook, Instagram, WhatsApp) มีความรับผิดชอบจำกัดต่อเนื้อหาของผู้ใช้ ตามหลักการ safe harbour ในกฎหมายของหลายประเทศ ทำให้การควบคุมและปราบปรามการหลอกลวงเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น รายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่า Meta ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจการฉ้อโกงออนไลน์ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของการหลอกลวงผ่าน Zelle ที่รายงานโดย JPMorgan Chase ระหว่างปี 2566-2567 มาจากแพลตฟอร์มของ Meta

ความพยายามในการต่อสู้กับขบวนการหลอกลวง หน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์และรัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงเวียดนาม ได้เพิ่มความพยายามในการปราบปรามขบวนการเหล่านี้ ตำรวจเวียดนามได้จับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีหลอกลวงคริปโตและการแฮ็กบัญชีโซเชียลมีเดียหลายราย ขณะที่ Interpol และหน่วยงานในภูมิภาคเอเชีย เช่น ไทย ได้ร่วมมือกันเพื่อติดตามผู้กระทำผิดข้ามชาติ การจับกุม Ngo Thi Theu ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างของความร่วมมือนี้

ในระดับแพลตฟอร์ม Meta ได้รายงานว่าปิดบัญชีปลอมและแคมเปญที่มีการจัดการจากเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยเฉพาะแคมเปญที่มุ่งเป้าไปที่การบิดเบือนความคิดเห็นในประเด็นการเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแพลตฟอร์มยังขาดการลงทุนที่เพียงพอในระบบป้องกันการหลอกลวง โดยเฉพาะการตรวจสอบโฆษณาที่อาจนำไปสู่การแพร่กระจายมัลแวร์หรือหลอกลวง

อนาคตของการต่อสู้กับภัยร้ายในโซเชียลมีเดีย การต่อสู้กับขบวนการหลอกลวงโซเชียลมีเดียจากเวียดนามและที่อื่น ๆ ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากรัฐบาล บริษัทเทคโนโลยี และผู้ใช้ทั่วไป การเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลโฆษณาออนไลน์ การพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับบอทและบัญชีปลอม และการให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับวิธีการระบุการหลอกลวง เช่น การตรวจสอบบัญชีใหม่ที่มีกิจกรรมผิดปกติหรือข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง จะช่วยลดความเสี่ยงได้

สำหรับผู้ใช้ การระมัดระวังและการใช้เครื่องมือป้องกัน เช่น แอปพลิเคชันบล็อกการโทรหรือการตั้งค่าความปลอดภัยในบัญชีโซเชียลมีเดีย เป็นสิ่งสำคัญ การหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัยหรือการให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บัญชีที่ไม่น่าเชื่อถือจะช่วยลดโอกาสตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้

สรุป ขบวนการหลอกลวงโซเชียลมีเดียจากเวียดนามเป็นภัยร้ายที่กำลังเติบโตในโลกดิจิทัล โดยใช้เทคนิคอย่างการขายโปรไฟล์ที่ถูกแฮ็ก การสร้างคอมเมนต์และไลค์ปลอม และการบูสต์ข่าวเท็จเพื่อหลอกลวงผู้ใช้และสร้างผลกำไร การสืบสวนจากหน่วยงานความปลอดภัยไซเบอร์เผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของขบวนการเหล่านี้ ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีเครือข่ายข้ามชาติ การต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อปกป้องผู้ใช้และรักษาความน่าเชื่อถือของข้อมูลในยุคดิจิทัล

ผลกระทบของกลโกงโซเชียลมีเดียในเวียดนาม

ผลกระทบของกลุ่มเหล่านี้มีทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมั่นของประชาชนในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะเมื่อข่าวลือหรือข้อมูลปลอมเผยแพร่ก็ทำให้เกิดความเสียหายทางด้านชื่อเสียงและทรัพย์สินของผู้บริโภค อีกทั้งยังสร้างความสับสนวุ่นวายในการสื่อสารภายในประเทศและกับประเทศเพื่อนบ้าน

การดำเนินการของหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน

หลายฝ่ายในเวียดนามได้ดำเนินการเพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้สร้างความเสียหายบนโซเชียลมีเดีย เช่น การเสริมสร้างกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น การติดตั้งระบบตรวจจับกลโกงอัตโนมัติ และการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการตรวจสอบข่าวสาร นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศในการสืบสวนและจับกุมกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์เหล่านี้

แนวทางการป้องกันและหลีกเลี่ยงกลโกงบนโซเชียลมีเดีย

ประชาชนควรมีความรู้และระมัดระวังในการใช้งานโซเชียลมีเดีย เช่น การตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสาร การไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และการใช้เครื่องมือเสริมความปลอดภัยอย่างรหัสสองชั้น เช่นเดียวกับการรายงานพฤติกรรมที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่กระจายของกลโกง

สรุป: การต่อสู้กับกลุ่มผู้สร้างความเสียหายบนโซเชียลมีเดียในเวียดนาม

กลุ่มผู้สร้างความเสียหายบนโซเชียลมีเดียในเวียดนามยังคงเป็นภัยคุกคามที่ต้องได้รับการรับมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจ การสร้างความรู้ความเข้าใจ การพัฒนากฎหมายและเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงความร่วมมือในระดับสากลจะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์นี้ให้หมดไป

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.