เมื่อหันกลับมามองภูมิภาคตะวันออกกลาง หนึ่งในประเทศที่ถูกจับตามองอย่างมากในด้านการเมืองและความขัดแย้งระหว่างประเทศ คือ ‘อิหร่าน’ แต่แท้จริงแล้วรากเหง้าความคิด อัตลักษณ์ และจุดยืนในเวทีโลกของอิหร่านยุคปัจจุบันมีเส้นสายโยงใยลึกซึ้งถึงอารยธรรมเปอร์เซียโบราณ หากมองอิหร่านวันนี้โดยตัดประวัติศาสตร์ออกไป อาจเหมือนอ่านหนังสือเพียงบทเดียว การเข้าใจอิหร่านต้องย้อนกลับไปเข้าใจจิตวิญญาณเปอร์เซียที่หยั่งรากมาตั้งแต่กว่า 2,500 ปีก่อน
ภาษามรดกโบราณกับตัวตนร่วมสมัย
อิหร่านในวันนี้ยังคงใช้ภาษาเปอร์เซีย หรือ ‘ฟาร์ซี’ ซึ่งแตกต่างจากภาษาอาหรับรอบข้าง ภาษานี้ไม่ใช่แค่เพียงทางการสื่อสาร แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิและจิตสำนึกที่ชาวอิหร่านมีต่อการสืบทอดอารยธรรมเก่าแก่ นี่คือป้อมปราการแรกที่ปกป้องอิหร่านจากแรงดึงดูดของวัฒนธรรมต่างชาติ ทำให้อิหร่านมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่แข็งแกร่ง ความภาคภูมิใจเช่นนี้ยังสอดแทรกไปถึงแนวคิดการเมืองและทัศนคติต่อโลกภายนอก เป็นผลพวงทางวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อท่าทีในความขัดแย้งระหว่างประเทศอยู่เสมอ
ย้อนอดีตไปยังยุคของจักรวรรดิอาคีเมนิด ฟาโรห์ ไซรัสมหาราชได้วางรากฐานการปกครองที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น เชื้อเชิญหลากหลายเผ่าพันธุ์ให้มารวมกันในจักรวรรดิแห่งนี้ การเน้นความหลากหลายและความอดทนต่อศาสนาต่าง ๆ กลายเป็นจิตวิญญาณหลักที่อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันยังคงรักษาแก่นร่วมใจเปอร์เซียอย่างเหนียวแน่น เงาอดีตเช่นนี้ยังปรากฏในยุทธศาสตร์การต่อรองและประนีประนอมของอิหร่านในเวทีการเมืองสมัยใหม่ เพียงแต่ในบริบทยุคใหม่ ความเปิดกว้างนั้นกลับต้องต่อสู้กับแรงกดดันและความหวาดระแวงจากโลกตะวันตกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ศรัทธากับอำนาจ: เมื่อศาสนาเป็นอาวุธและโล่ห์
หลังการล่มสลายของจักรวรรดิเปอร์เซีย อิหร่านได้เปลี่ยนผ่านจากศาสนาโซโรอัสเตอร์มาสู่ศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะการรับนิกายชีอะห์มาเป็นหลัก มีการกล่าวว่านี่คือการดัดแปลงศาสนาใหม่ให้สอดคล้องกับตัวตนเปอร์เซียดั้งเดิมมากกว่าจะเป็นการสูญเสียอัตลักษณ์ จุดตัดสำคัญนี้ทำให้ศาสนาและอำนาจทางการเมืองของอิหร่านกลายเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ระบบผู้นำสูงสุดทางศาสนาในรัฐอิหร่านปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ร่วมสมัย แต่สืบสานรูปแบบการปกครองที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณบรรพบุรุษโดยตรง
ในอีกด้านหนึ่ง โลกตะวันตกอาจมองบทบาทของศาสนาในอิหร่านว่าเป็นอุปสรรคต่อความเจริญทางประชาธิปไตย แต่หากวิเคราะห์ในเวทีท้องถิ่น บทบาทของผู้นำทางศาสนาในอิหร่านเป็นการสร้างความมั่นคงและเอกภาพภายในที่สำคัญอย่างยิ่ง การคงโครงสร้างเช่นนี้ เน้นย้ำว่าศรัทธาไม่ใช่เพียงเครื่องมือสร้างความชอบธรรมเท่านั้น หากแต่เป็นแหล่งพลังงานทางสังคมที่สร้างมวลรวมทางการเมืองให้รัฐอิหร่านต่อรองและยืนหยัดบนเวทีโลกได้อย่างคาดไม่ถึง
ภูมิปัญญาโบราณกับภาพลักษณ์ ‘สายกลางที่แข็งแกร่ง’
หากย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของเปอร์เซีย จะพบว่าความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมนี้เกิดจากความสมดุลแห่งพลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง ความคิดสร้างสรรค์ หรือการสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรม อิหร่านยุคใหม่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของ ‘สายกลางที่แข็งแกร่ง’ ไว้ในหลายแง่มุม แม้เผชิญแรงกดดันจากนานาประเทศ แต่ยังเลือกต่อรองอย่างชาญฉลาด หยิบใช้ทั้งศาสตร์การทูตและแผนการเมืองอย่างช่ำชอง ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่านี่คือ ‘รอยต่อของอดีตและปัจจุบัน’ ที่ทำให้อิหร่านอยู่รอดในโลกที่ซับซ้อนเช่นนี้
ในความขัดแย้งระดับภูมิภาคที่อิหร่านเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หรือสถานการณ์ซีเรียและอิรัก เห็นได้ชัดว่าความคิดของผู้นำอิหร่านได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเรียนครั้งอดีตกาล พวกเขาต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความปกป้องอัตลักษณ์ ความอยู่รอดทางการเมือง และการธำรงอิทธิพลต่อภูมิภาคอย่างยืนนาน คำถามสำคัญคือ ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงทุกวินาที อิหร่านจะสามารถรักษาจุดสมดุลอันบอบบางนี้ไปได้นานแค่ไหน
ท้ายที่สุด ความเข้าใจเกี่ยวกับอิหร่านโดยมองผ่านสายตาของอดีตเปอร์เซีย คือการตระหนักว่า สังคมนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่อาศัยความภาคภูมิแห่งบรรพบุรุษและความเชื่อมั่นในตัวตนอย่างแน่นแฟ้น การแปลความหมายของประวัติศาสตร์ลงในการดำเนินนโยบายและปฏิบัติการในเวทีโลก จึงเป็น ‘สูตรผสมเฉพาะตัว’ ที่ทำให้ทุกการต่อสู้และทุกกลยุทธ์ของอิหร่าน เต็มไปด้วยความลุ่มลึกและยากจะคาดเดา
บทสรุปสำคัญก็คือ อิหร่านไม่ได้เพียงแค่เป็นผู้เล่นในกระดานการเมืองตะวันออกกลาง แต่ยังเป็น ‘ผู้สืบทอดจิตวิญญาณเปอร์เซีย’ ที่หล่อหลอมความซับซ้อนทางวัฒนธรรมและพลังต่อรองมานับพันปี หากจะเข้าใจเจตจำนงและแรงขับภายในของอิหร่านในวันนี้ จำเป็นต้องฟังเสียงก้องจากอดีตให้ดังพอ ๆ กับเสียงปืนในสนามรบแห่งปัจจุบัน เพราะบ่อยครั้ง ‘อดีต’ นั้นเองที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการกำหนดอนาคตของประเทศนี้