ในช่วงเวลาที่ตลาดเงินทั่วโลกเผชิญกับความผันผวน ราคาค่าเงินบาทก็กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทุกสายตาจับจ้อง ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงตัดสินใจปรับยุทธศาสตร์การดูแลค่าเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แนวทางใหม่นี้ไม่ได้มุ่งหมายเพียงพยุงค่าเงินบาทให้แข็งค่าหรือให้อ่อนค่าตามกระแส แต่เป็นการประสานสมดุลระหว่างความเป็นไปของตลาดกับเป้าหมายเศรษฐกิจของประเทศ
บทบาทสำคัญของนโยบายการเงินในวิกฤต
การดำเนินนโยบายการเงินในภาวะที่เงินทุนไหลเข้าออกอย่างรวดเร็วต้องอาศัยความรอบคอบและยืดหยุ่นสูง หากแบงก์ชาติเน้นแต่การแทรกแซงอย่างเดียว อาจถูกมองว่าขัดขวางกลไกตลาด ในขณะที่หากปล่อยให้ตลาดลอยตัวเต็มที่ ก็อาจก่อให้เกิดแรงกระแทกต่อผู้ส่งออก-นำเข้าและประชาชน ทางเลือกแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้จึงเน้นให้ตลาดเป็นตัวกำหนดทิศทางในกรอบที่เหมาะสม พร้อมปรับแต่งเครื่องมือสื่อสารนโยบายเพื่อลดแรงกระเพื่อม
น่าสนใจว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้นำเข้า-ส่งออก ต้องปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อค่าเงินสามารถผันผวนขึ้นลงตามภาวะตลาด ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องวางแผนบริหารความเสี่ยงทางอัตราแลกเปลี่ยนให้รัดกุมขึ้น อาทิ การใช้ตราสารป้องกันความเสี่ยงหรือการเลือกชำระเงินในสกุลเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์
โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพจากทุนต่างชาติที่เข้าออกอย่างรวดเร็ว แต่มาตรการใหม่ของธนาคารกลางยังช่วยส่งสัญญาณให้ต่างชาติมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยยังถือเป็นศูนย์กลางการเงินที่มีศักยภาพ บวกกับการเน้นสร้างตลาดเงินที่ยืดหยุ่นและเข้มแข็งมากขึ้น ก็พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่จากการค้าการลงทุนในอนาคต
โดยส่วนตัวแล้ว มองว่านโยบายใหม่นี้ถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่ท้าทาย แต่ก็นำไปสู่โอกาสมากมายในระยะยาว เมื่อกลไกตลาดเริ่มเป็นธรรมชาติและมีกรอบชัดเจน ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจไทยให้รองรับคลื่นลมเศรษฐกิจโลกที่ชวนสั่นสะเทือน เชื่อว่าการปรับตัวครั้งนี้จะเปิดทางให้ไทยยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในสมรภูมิเศรษฐกิจยุคต่อไป